หมุดบนกางเกงยีนส์มีทำไม ทุกอย่างมีประโยชน์ ไม่ได้เกิดมาเท่ไปวันๆ
กางเกงยีนส์ทุกตัวมีหมุดเล็กๆ ติดอยู่ มองซ้ายแลขวาก็นึกไม่ออกว่า หมุดบนกางเกงยีนส์มีทำไม สงสัยโรงงานใส่มาเก๋ๆ ซึ่งตอนสวมแล้วมันก็เท่ไม่หยอกแหละ แต่… ทถกอย่างมีประโยชน์ ไม่ได้เกิดมาเท่ไปวันๆ หรอก แม้แต่กิ้งกือตัวเล็กๆ ก็มีคุณค่า เพราะช่วยกำจัดซากพืชซากสัตว์ รักษาสมดุลให้ระบบนิเวศน์ หมุดกางเกงยีนส์ ก็เช่นกัน เนื่องจากมันมีระโยชน์แฝงอยู่นั่นเอง
กางเกงยีนส์มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-17 เป็นที่นิยมมาเรื่อยอย่างไม่เสื่อมคลายจนถึงปัจจุบัน จากกางเกงของกะลาสีเรือ ของคนงานเหมืองทอง เนื้อตัวมอมแมม ชาวไร่ ชาวสวน เพราะราคาถูกและทนาน กระทั่งเป็นแฟชั่นราคาแพงอย่างปัจจุบัน
เดิมกางเกงยีนส์ ไม่ได้มีหมุด ตรงกระเป๋ากางเกง เริ่มมีก็เมื่อ Jacob Davis ช่างเย็บผ้า ลูกค้าผ้าคนสำคัญของนาย Levi Strauss (ครับเจ้าของแบรนด์ลีวาย นี่แหละ) สังเกตุว่า กางเกงยีนส์ที่เขาเย็บขายคนงานเหมืองนั่น แม้ทนทาน ทรหด อึด เป็นที่ถูกใจหนุ่มใช้แรง แต่มันก็มีจุดขัดใจเสมอ นั่นคือ ตรงตะเข็บที่กระเป๋า เปื่อยรุ่ยอยู่เรื่อย พอเปื่อยขาดเป็นรู ก็ลามขยายเป็นวงกว้าง คล้ายแผลถูกหนามยอกแล้วไม่รักษาเกิดเป็นหนองลามเป็นแผลใหญ่ทำนองนั้น
นาย Jacob ครุนคิดพักใหญ่ ก็ปิ๊งไอเดียเก๋ๆ ได้ ในเมื่อตะเข็บส่วนนั้นมันเย็บยาก เพราะผ้าประกบกันหลายชั้น ก็ใช้วิธีตอกหมุดลงเลยสิ ผลปรากฏว่า ป้องกันการสึกหรอ และฉีกขาดของตะเข็บได้เป็นอย่างดี แถมกางเกงยังกระชับขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งเจ้าหมุดนี้ เขาเรียกกันว่า “Rivets” หมายถึง หมุดตอกยึด นั่นเอง
Rivets ถือเป็นนวัตกรรมแห่งยุคเลยทีเดียว ทำให้กางเกงยีนส์เจ้าอื่นๆ หันมาตอกหมุดยึดด้วย ทำให้ ช่างผ้ายอดไอเดีย นาย Jacob จับมือกับ นาย Levi จดสิทธิบัตร หมุดตอกกางเกงยีนส์ ซะเลย ใน ปี 1829 ตั้งแต่นั้น กางเกงยีนส์ก็มีหมุดติดมาจนถึงปัจจุบัน
กางเกงยีนส์ Levi ก็ได้รับความนิยมมาต่อเนื่อง และดูแล้วนอกจากกำไรจากการขายกางเกงแล้ว ค่าลิขสิทธิ์ Rivets ก็สร้างรายได้ให้ไม่เบาเลยทีเดียว
อย่างที่บอกเบื้องต้น ทุกอย่างมีประโยชน์ ไม่ได้เกิดมาเท่ไปวันๆ