โรคซึมเศร้า ไม่มีจริง?

โรคซึมเศร้า ไม่มีจริง? “ผมแค่ไม่อยากทำอะไรแล้ว มันว่างเปล่า อยากให้จบๆ ไป”

ต้น (นามสมมติ) ถูกพามาขอคำปรึกษาและรักษาตัวที่รพ.จิตเวช หลังจากพยายามฆ่าตัวตายสามครั้ง แต่ละครั้งเลือกใช้วิธีที่รุนแรงเช่น แขวนคอ โดดน้ำ และพยายามจะกระโดดตึก แต่โชคดีที่ญาติช่วยไว้ได้ทันทุกครั้ง

ต้นเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอาการซึมเศร้าหลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจร้ายแรง เขาสูญเสียพ่อไปตอนอายุ 10 ขวบ จากเด็กชายที่สุภาพ เป็นมิตร เรียนดี ชอบเล่นกีฬา กลายเป็นเด็กเงียบ ซึม เหม่อลอย แยกตัว ไม่ค่อยชอบทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างเคย ขาดสมาธิ ผลการเรียนแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

Image by Enrique Meseguer from Pixabay

ในตอนนั้นแม่ และญาติพี่น้องคนอื่นๆ ยังไม่มีใครนึกถึงอาการทางจิตเวช แต่มองว่าเป็นความเครียดหลังการสูญเสีย และอีกไม่นานก็คงดีขึ้นเอง แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น แม่ของต้นเล่าว่า สองปีต่อมา หลังเข้าเรียนในชั้น ม. 1 ต้นเริ่มมีอาการแย่ลง ก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย ไม่ค่อยกินอาหาร เหม่อลอย และมักเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวไม่คุยกับใครตอนนั้นแม่ของต้นก็ยังคิดว่า ลูกคงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างและกำลังปรับตัว

จนกระทั่ง แม่ได้มาพบโปรไฟล์เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ของต้น พบว่ามักมีข้อความสั้นๆ ในเชิงลบที่ลูกชายโพสต์เป็นจำนวนมาก เช่น “ไร้ค่า” “เหนื่อย” “ไม่อยากทนแล้ว” “ปลอม” “ไม่อยากตื่นแล้ว” บางครั้งก็โพสต์ภาพสีดำว่างเปล่าที่ไม่มีข้อความอะไรเลย แม่ต้นรู้สึกใจไม่ดีเลยลองคุยกับลูก แต่ต้นก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่า เหนื่อย เบื่อ อยากอยู่คนเดียว

จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ต้นได้ยินเสียงของหล่นในห้องต้น เลยไขประตูเข้าไปดู พบว่าลูกชายแขวนคอตัวเองกับเหล็กดัดขอบหน้าต่างด้วยสายไฟฟ้า จึงรีบช่วยลงมาและพาส่งโรงพยาบาลทันที

ตั้งแต่วันนั้น ต้นได้รับการวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง และแอดมิทรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 15 วัน และให้กินยาต่อเนื่อง นัดมาพบแพทย์ตามนัด คำแนะนำหนึ่งจากจิตแพทย์คือ ให้ลองพยายามระบายความรู้สึกและสื่อสารกับคนรอบข้างดูบ้าง

ต้นที่ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้น ได้เล่าเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเอง ในช่วงเวลาที่มีอาการซึมเศร้า ว่ามืดมน สิ้นหวัง โดดเดี่ยวขนาดไหน อ่อนไหว สะเทือนใจ ร้องไห้ง่ายมาก รู้สึกไร้ค่าจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

Image by NoName_13 from Pixabay

หลังจากนั้นสเตตัสนี้ของต้นมีคนมาคอมเมนต์เยอะมาก มีเพื่อนทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ส่วนใหญ่จะให้กำลังใจ แต่ก็มีบางส่วนที่พยายามบอกว่า โรคซึมเศร้าไม่มีจริง ที่เป็นแบบนี้เพราะคิดมากไปเอง แนะนำให้เลิกกินยาเพราะมันจะทำลายสมอง ให้หันมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ มองโลกในแง่ดี บางคนบอกว่าเรียกร้องความสนใจ อยากดัง

ที่โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่มองว่าต้นเป็นคนมีปัญหา และไม่ค่อยอยากยุ่งด้วย ทั้งที่ต้นก็พยายามปรับตัว ต้นคุยกับครูประจำชั้น ครูพยายามปลอบและว่า คนอื่นๆ ในโลกก็มีปัญหากันทุกคนเขาก็ผ่านมันมาได้ ต้องเข้มแข็ง โรคซึมเศร้าถ้าเราไม่เศร้าก็หาย ให้หาอะไรสนุกๆ ทำแทน ซึ่งช่วยอะไรต้นไม่ได้เลย

อาการของต้นกลับแย่ลงอีก การโพสต์สเตตัสระบายความรู้สึกของต้น ทุกครั้งจะมีคนที่เข้ามาคอมเมนต์ตำหนิ ว่า “ขี้แพ้” “อ่อนแอ” “โรคซึมเศร้าไม่มีจริงมีแต่โรคสำออยของคนที่อยากเรียกร้องความสนใจ” ยิ่งเวลาโพสต์ว่ารู้สึกแย่จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็จะมีคนที่เข้ามายุส่งว่า “อ่อนแอมากนักก็อย่าอยู่ต่อเลย” “อยากตายก็ตายไปเลยไม่ต้องมาโพสต์” “ภาระสังคม” “ขอให้คราวนี้ตายจริงๆ นะ” นำไปสู่การฆ่าตัวตายครั้งที่ สอง และสาม ของต้น จนต้องพักการเรียนเพื่อแอดมิทรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวช

ในความเป็นจริงแล้ว โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ เฉพาะในประเทศไทยมีถึง 1.5 ล้านคนและสัดส่วนการฆ่าตัวตายสำเร็จมีมากถึง 4000 คนต่อปี

ผู้ป่วย โรคซึมเศร้า มักประสบปัญหา คนรอบข้างไม่เข้าใจ และมองว่าอ่อนแอ แกล้งป่วย บางคนไม่เชื่อว่าโรคซึมเศร้ามีอยู่จริง จึงทำให้ผู้ป่วยเครียดและเพิ่มความกดดันมากขึ้นไปอีก

อันที่จริงการช่วยเหลือหรือประคับประคองจิตใจผู้ป่วยซึมเศร้า เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจว่าอาการมันเป็นอย่างไร แต่ต้องเข้าใจว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยนั้นมีจริง ไม่ได้แกล้ง และมันสร้างความทุกข์ให้ผู้ป่วยจริงๆ แต่ก็รักษาให้หายได้เช่นเดียวกับโรคอื่นๆ ด้วยการบำบัด กินยา และพบแพทย์สม่ำเสมอ

Image by Ryan McGuire from Pixabay

เราสามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นได้ หากพูดให้เขามั่นใจว่า เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่จะมีเราเคียงข้างและยินดีรับฟังเสมอ ถามคำถามปลายเปิดบ่อยๆ ว่าเราสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ให้เขารู้ว่ามีคนที่รักและเป็นห่วง ให้เขามั่นใจว่าชีวิตของเขามีคุณค่าและมีความสำคัญต่อคนอื่นๆ มากเพียงพอที่จะทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

ส่วนคนที่กำลังมีความรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย เครียด นอนไม่หลับ สิ้นหวัง หรือสงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายโรคซึมเศร้าหรือไม่ อาจลองประเมินด้วยแบคัดกรองโรคซึมเศร้าของกรมสุขภาพจิต https://bit.ly/2DkUdTD หากเข้าข่ายมากกว่า 5 ข้อและมีอาการต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป ไม่ซ้ำเติม ไม่ล้อเลียน ไม่ทำให้เห็นว่าความทุกข์ของผู้ป่วยซึมเศร้าเป็นเรื่องตลก เพราะวันหนึ่งเราอาจกลายเป็นคนหนึ่งที่ร่วมผลักดันเขาไปสู่ความตายก็ได้

โดย นทธี ศศิวิมล


อ่านเรื่องอื่น ๆ

หน้าแรก

เฟซบุ๊กแฟนเพจกลั่นแกล้ง

สาวผมแดง ตำนาน แวมไพร์ การกลั่นแกล้งที่ถึงชีวิต

แกล้งเด็ก เด็กไม่สนุก พาลจะสร้างรอยดำให้ผ้าขาว

ยินคำ กลั่นแกล้ง บ่อย ๆ ต้นไม้ยังไม่ทน

You may also like...