ก็นึกว่าเขาจะชอบ กลั่นแกล้ง ไม่ใช่เรื่องสนุก
ก็นึกว่าเขาจะชอบ กลั่นแกล้ง ไม่ใช่เรื่องสนุก: เมื่อตอน ม.ปลายที่ห้องผมมีเพื่อนใหม่เข้ามาในรุ่น ชื่อบอม เพื่อนคนนี้มาทีแรกก็ดูเงียบ ๆ แต่พอเพื่อน ๆ เข้าไปคุยด้วย ก็เลยแจ่มใสยิ้มเก่ง และดูออกว่ามีท่าทางตุ้งติ้งไปทางผู้หญิงค่อนข้างชัดเจน
บอมเป็นคนอัธยาศัยดี ใจดี และมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อน ๆ เสมอ ผมเคยมีเพื่อนที่เป็นผู้ชายหัวใจสาวแบบนี้หลายคน แต่ก็แยกย้ายกันไป ผมรู้สึกว่าพวกเขามักจะมีส่วนที่คล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งคือมักจะเป็นคนร่าเริง ชอบความสนุกสนาน และชอบแสดงออก
ผมว่าทุกคนในห้องผม และคนส่วนใหญ่ที่มองคนกลุ่มนี้ก็มักจะมองแบบนี้เช่นกัน คือ พวกเขาคงชอบแสดงออก ชอบสนุกสนาน เพราะฉะนั้นในห้องเวลาที่ต้องการตัวแทนไปร้องเพลง ไปเต้น หรือทำกิจกรรมสันทนาการบันเทิงต่าง ๆ แนวร้องเต้นขำ ๆ เราก็มักจะดันบอมขึ้นไปไว้เป็นชื่อแรก ๆ เสมอ บอมให้ความร่วมมือดี ถึงแม้บางทีดูเคอะเขินและไม่คล่องไปบ้าง
ปกติบอมเป็นคนพูดจาสุภาพ ไม่เคยพูดหยาบคาย ไม่เคย กัด จิก แซะ หรือนินทาเพื่อนคนอื่นลับหลัง บอมมักจะรวมกลุ่มอยู่กับพวกผู้หญิง พวกผมซึ่งเป็นผู้ชายก็มองบอม เหมือนกับเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในห้องเหมือนกัน
มาวันหนึ่งเขาลือกันว่าบอมชอบรุ่นพี่ ม. 6 คนหนึ่งชื่อพี่ตั้ม พี่ตั้มดังและป็อบมากในหมู่นักเรียน เป็นนักกีฬาโรงเรียน
ใกล้ถึงวันงานครบรอบก่อตั้งโรงเรียนที่จะมีการแสดงละคร พี่ตั้มได้รับเลือกให้เป็นพระเอก พวกเราก็ช่วยกันเชียร์บอมให้ไปสมัครเป็นนางเอกด้วย บอมอาย หน้าแดง ส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ยอมไป แต่เพื่อน ๆ ก็แอบไปลงชื่อให้จนได้
พอครูเรียกให้ไปคัดตัว บอมก็จำเป็นต้องไป ถึงแม้จะดูไม่ค่อยคล่อง ครูสงสารบอม คิดว่าบอมอยากจะเล่นละครด้วยจริง ๆ ก็เลยหาบทให้เล่น แต่ให้เล่นเป็นตัวตลกให้บอมแต่งตัวเป็นกะเทย ทาลิปเลอะ ๆ ทาแป้งหน้าขาว เติมจุดสิว บอมก็ยังทำตามหมด ตอนท้ายของละคร เมื่อนักแสดงทุกคนมายืนรวมกันบนเวที มีคนบอกให้พี่ตั้มกับบอมยืนคู่กัน แล้วมีคนตะโกนจูบเลย จูบเลย คนอื่น ๆ ก็หัวเราะสนุกสนาน พี่ตั้มทำปากเป็นคำด่า ตั้งแต่ตอนนั้นบอมก็ดูเงียบ ๆ ไป
จนกระทั่งถึงงานวันปีใหม่อีกครั้ง จะมีจังหวะที่ครูเอารางวัลใหญ่ซึ่งเป็น iPad รุ่นล่าสุดออกมา เราประกาศให้ทุกคนออกมาดวลเต้นที่บนเวที มีคนกระโดดขึ้นไปบนเวทีหลายคนประมาณ 10 คนพวกเราก็เลยช่วยกันดันหลังบอลขึ้นไปด้วย แต่บอมปฏิเสธหน้าตาเคร่งเครียด ส่ายหน้า เราก็คิดว่าบอมแค่เขินเลยดันขึ้นไปบนเวทีจนได้
พอเพลงเริ่มขึ้นปรากฏว่าทุกคนเต้น มีพี่ ม. 5 คนหนึ่งมาเต้นใกล้ ๆ บอม แล้วเต้นทะลึ่งแบบเด้งเอวใส่ คนก็หัวเราะกัน บอมยืนนิ่งพักหนึ่งก็วิ่งลงบันไดมาแล้ววิ่งหายไปทั้งหลังเวทีไปนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่ข้างตึก พวกเราตกใจกันมาก ปลอบกันนาน บอมสะอึกสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ หายใจเร็วจนปากเขียว มือเกร็ง
พอเริ่มคุยได้ เราเลยได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วบอมเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่ก็ดันปฏิเสธคนไม่เป็น กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียใจ กลัวเพื่อน ๆ ไม่ชอบ จึงยอมทำตามมาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่ฝืนใจ โดนล้อเลียน โดนตะโกนด่าลับหลังว่าอีตุ๊ด หรือมีคนมาเล่มมุกตลกลามกใส่อยู่บ่อย ๆ เพราะคิดว่าบอมชอบ แต่บอมไม่ชอบเลย
ผมและเพื่อน ๆ เสียใจและรู้สึกผิดมากเพิ่งว่าที่ผ่านมาเรารังแกบอมโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเราคิดว่าเขาชอบ เพราะเราคิดเอาเอง เพราะเราเหมาเองทั้งนั้น ไม่เคยถามความสมัครใจเพื่อน ตั้งแต่นั้นมาพวกเราเลยเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นชายใจสาว ว่าเขาก็เป็นเหมือนผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยากเป็นตัวตลก ไม่ชอบเรื่องทะลึ่ง หรือชอบแสดงออกอย่างที่เราคิด
ในการศึกษาทางสังคมและพฤติกรรมของมนุษย์ จะมีสิ่งหนึ่งที่เราเรียกว่า Stereo type หมายถึง ความรู้สึกที่มีต่อบางสิ่งบางอย่างที่มีอัตลักษณ์คล้ายกัน หรือเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะทางบวกหรือทางลบ เป็นการตีกรอบความคิดและทัศนคติที่มีต่อกลุ่มคนหรือสิ่งสิ่งนั้นอย่างแคบ ๆ ทำให้บางคนมีความคิดแบบ เหมารวม ไม่ยืดหยุ่น ซึ่งทำให้บางคนที่ไม่ได้มีลักษณะที่เป็นไปตาม Stereo type ต้องพบกับปัญหาที่เกิดจากความเข้าใจผิดของคนรอบข้าง และสำหรับบางคนก็กลายเป็นเรื่องที่กระทบต่อจิตใจและการดำเนินชีวิตได้อย่างคาดไม่ถึง
ยกตัวอย่างที่เราเคยได้ยินบ่อย ๆ ก็เช่น คนอ้วน ๆ หรือหนุ่มสาวข้ามเพศมักจะเป็นคนสนุกสนาน ชอบแสดงออก แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ดังเช่นเรื่องที่ต้นเรื่องเล่าให้เราฟังในวันนี้
การเหมารวมที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ บางอย่างคนรอบข้างอาจมองว่าไม่ได้ร้ายแรงนัก ทั้งสองฝ่ายคงมองเป็นเรื่องตลกและมองข้ามมันไปได้ง่าย ๆ แต่สำหรับบางคนที่รู้สึกกังวลใจไม่สบายใจกับเรื่องแบบนี้ที่มักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนบ่อยครั้งสร้างความรู้สึกเครียด อึดอัดและไม่สบายใจ
ในวัยรุ่นที่ต้องการการยอมรับจากเพื่อนละสังคมสูง บางคนอาจจำใจฝืนทำสิ่งที่ตนไม่ชอบเพื่อให้เพื่อน ๆ ยอมรับ ไม่กล้าปฏิเสธ ยิ่งถ้าเป็นคนไม่กล้าพูด ไม่ชอบอธิบายอาจจะกลายเป็นความรู้สึกเก็บกดที่ฝังลึก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นคนใกล้ชิดเช่นเพื่อนหรือคนในครอบครัว ก็ควรเรียนรู้เพื่อรู้จักและทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ เปลี่ยนแนวคิดและทัศนคติของตนเอง ไม่เหมารวมว่าคนที่มีลักษณะคล้ายกันในรูปแบบที่เคยเห็นเคยได้ยิน จะต้องมีลักษณะนิสัยเหมือนกันไปด้วย ไม่คิดเองเออเองหรือคิดแทนแม้จะด้วยความปรารถนาดีก็ตาม เพราะคนเราแตกต่าง การเรียนรู้ความแตกต่างอย่างเข้าใจกันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และ กลั่นแกล้ง ไม่ใช่เรื่องสนุก
โดย นทธี ศศิวิมล
อ่านเรื่องอื่น ๆ
จะทำอย่างไรเมื่อ ถูกกลั่นแกล้งบนเฟซบุ๊ก
รักหรอก (หรือ?) จึงหยอกเล่น ( ทางอออก กลั่นแกล้ง )