อย่าปล่อยให้การกลั่นแกล้งกลายเป็น ล่วงละเมิดทางเพศ
อย่าปล่อยให้การกลั่นแกล้งกลายเป็น ล่วงละเมิดทางเพศ ในสังคมกลุ่ม LGBT ตกเป็นเป้าแห่งการกลั่นแกล้งบ่อย โดยเฉพาะสาวประเภทสองไม่ว่าจะเป็นชายออกสาว หรือแต่งตัวเป็นหญิง มีสิ่งหนึ่งที่จะเกิดตามหา หากเราปล่อยให้การกลั่นแกล้งกลุ่มเพศที่สามไปเรื่อย ๆ โดยไม่ตระหนัก คือ…
เกิดความรุนแรงบนฐานเพศวิถี
กรณีนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการได้พูดคุยกับ นัน ภู่โพธิ์เกตุ นักกิจกรรม ส่งเสริมสุขภาวะ เด็ก, วัยรุ่น, ผู้หญิง และผู้มีความหลากหลายทางเพศ โครงการสตรีนานาชาติพันธุ์ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เธอได้บอกว่า หากสังคมปล่อยให้การกลั่นแกล้งเพศที่สามกลายเป็นเรื่องปกติ จะส่งผลให้เกิดการเหยียดและกระทำความรุนแรง
“หากเราปล่อยให้เกิดการกลั่นแกล้งกลุ่ม lgbt โดยไม่ตระหนักอะไร สิ่งน่ากลัวที่จะตามมา คือ เกิดความรุนแรงบนเพศวิถี เช่น เห็นกะเทยเดินมา ฉันเกลียดกะเทย ตบหน้าแม่งเลย บางคนอาจคิดว่าแกล้งกะเทยแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่น่าขยายไปถึงขั้นต้องเดินเข้าไปทำร้ายทันทีที่เห็นเหมือนการเหยียดเชื้อชาติหรอก แต่อย่าลืมว่า หากปล่อยให้การกลั่นแกล้งกะเทยเป็นเรื่องปกติย่อมขยายไปถึงขั้นนั้นได้เสมอ”
นอกจากความน่ากลัวที่หากเราปล่อยการกลั่นแกล้ง lgbt โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย จะนำมาซึ่งความรุนแรงโดยไร้เหตุผลได้แล้ว อีกประเด็นหนึ่งก็น่าสนใจ เพราะเกี่ยวพันกับตัวของสาวประเภทสองโดยตรง โดยเฉพาะวัยรุ่น นั่นคือ การล่วงละเมิดทางเพศ
การกลั่นแกล้งกับการ ล่วงละเมิดทางเพศ
เหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของหญิงประเภทสองท่านหนึ่ง เชิญอ่าน…
“สมัยเด็ก ๆ หนูถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยครู ตอนนั้นหนูอยู่ ม. 2 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหนูในวันนั้น กลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในสังคมกะเทยคิดว่าก็แค่การมีเพศสัมพันธ์ เราไม่จำเป็นต้องรักนวลสงวนตัว เราไม่ต้องรักษาเยื่อพรหมจรรย์เหมือนผู้หญิง เราไม่ต้องไปรับผิดชอบใคร ไม่ต้องกลัวท้อง เพราะฉะนั้นในชุมชนของกะเทยก็จะผ่อนคลายในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์มากกว่าสังคมของผู้หญิงหรือผู้ชาย วันนั้นหนูถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นการมีเพศสัมพันธ์ และไม่รู้สึกว่าเขาล่วงละเมิดเรา เขาอยากทำหนูก็สนองตอบ แต่พอมาวันนี้ อายุ 30 กว่า ได้ทำงาน กลับไปมองตัวเองวันนั้น เฮ้ย! นี่คือครูล่วงละเมิดทางเพศเรานี่ สอดใส่เข้ามาในตัวเราเลยนะ ไม่ใช่หยอกล้อจับเป้าทั่วไป พอย้อนกลับไปมอง มันกลายเป็นเรื่องเหี้ยมาก ๆ เรื่องใหญ่มาก จริง ๆ หลังจากวันนั้นมันก็มีผลกระทบกับหนูเหมือนกัน เพราะเขาจะคอยโทรมาหาบ่อย หนูก็กลัว ไม่ใช่กลัวมีเพศสัมพันธ์ซ้ำ แต่กลัวคนอื่นจะรู้ แล้วก็กลัวติดโรค
“ตอนนั้นหนูมองเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งความธรรมดาของผู้หญิงกับกะเทยมันคนละแบบกัน เพราะฉะนั้นเด็กจะต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่เขาถูกกระทำมันเป็นการ bullying หรือหนักไปจนถึงขั้นการล่วงละเมิดทางเพศกันแน่”
ในเรื่องการกลั่นแกล้งกะเทยกับการล่วงละเมิดทางเพศ ผู้อ่านอาจจะมีความรูู้สึกว่า มันไม่เห็นจะเกี่ยวกัน แต่หากมองโดยถี่ถ้วนแล้วมีความสัมพันธ์กันไม่น้อย เพราะหากเจ้าตัวเองปล่อยให้ถูกกลั่นแกล้งโดยการจับนิดต้องหน่อย เพื่อเรียกร้องความสนใจ อย่างกรณีที่แอดสัมภาษณ์คุณนันมาในบทความนี้ https://bit.ly/331gYpA ก็จะเลยเถิดปล่อยใจให้ถูกล่วงละเมิดอย่างกรณีเรื่องเล่าข้างต้นได้
ข้อนี้คุณนัน บอกถึงแนวทางว่า…
“สิ่งหนึ่งที่ น้อง ๆ lgbt โดยเฉพาะสาวประเภทสองต้องเรียนรู้ควบคู่ไปกับการไม่ทำตัวให้ถูกกลั่นแกล้ง คือ เรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศ ต้องรู้ว่าระดับไหนแกล้ง ระดับไหนละเมิด ต้องรู้ระยะห่างของตัวเองด้วย”
เพราะเรื่องแกล้งไม่ใช่เรื่องสนุก
อ่านเรื่องอื่น ๆ
เราไม่ใช่ตัวประหลาด เมื่อตัวประหลาดเจอกับความจริง ว่าด้วยการต่อต้าน กลั่นแกล้ง
รู้จัก Karen “มนุษย์ป้า” ฝั่งตะวันตก